ถังน้ำสองใบ
ชายคนหนึ่งแบกถังน้ำสองใบไว้บนบ่าเพื่อไปตักน้ำที่ริ มลำธาร
ถังน้ำใบหนึ่งมีรอยแตก ในขณะที่อีกใบหนึ่งไร้รอยตำหนิ
และสามารถบรรจุน้ำกลับมาได้เต็มถัง...แต่ด้วยระยะทาง อันยาวไกล
จากลำธารกลับสู่บ้าน....จึงทำให้น้ำที่อยู่ในถังใบที ่มีรอยแตกเหลืออยู่เพียงครึ่งเดียว
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ดำเนินมาเป็นเวลา 2 ปีเต็มที่คนตักน้ำสามารถตักน้ำ กลับมาบ้านได้หนึ่งถังครึ่ง....ซึ่งแน่นอนว่าถังน้ำใ บที่ไม่มีตำหนิจะรู้สึกภาคภูมิใจ ในผลงานเป็นอย่างยิ่ง ...
ขณะเดียวกันถังน้ำที่มีรอยแตกก็รู้สึก อับอายต่อความบกพร่องของตัวเอง
มันรู้สึกโศกเศร้ากับการที่มันสามารถทำหน้าที่ได้เพี ยงครึ่งเดียวของจุดประสงค์ ที่มันถูกสร้างขึ้นมา
หลังจากเวลา 2 ปี… ที่ถังน้ำที่มีรอยแตกมองว่าเป็นความล้มเหลวอันขมขื่น
วันหนึ่งที่ข้างลำธาร มันได้พูดกับคนตักน้ำว่า ข้ารู้สึกอับอายตัวเองเป็นเพราะ รอยแตกที่ด้านข้างของตัวข้าที่ทำให้น้ำที่อยู่ข้างใน ไหลออกมาตลอดเส้นทาง ที่กลับไปยังบ้านของท่าน
คนตักน้ำตอบว่า เจ้าเคยสังเกตหรือไม่ว่ามีดอกไม้เบ่งบานอยู่ตลอดเส้น ทางในด้านของเจ้า... แต่กลับไม่มีดอกไม้อยู่เลยในอีกด้านหนึ่งเพราะข้ารู้ ว่าเจ้ามีรอยแตกอยู่.... ข้าจึงได้หว่านเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ลงข้างทางเดินด้านขอ งเจ้าและทุกวันที่เราเดินกลับ... เจ้าก็เป็นผู้รดน้ำให้กับเล็ดพันธุ์เหล่านั้น
เป็นเวลา 2 ปี ที่ข้าสามารถที่จะเก็บดอกไม้สวย ๆ เหล่านั้นกลับมาแต่งโต๊ะกินข้าว
ถ้าหากปราศจากเจ้าที่เป็นเจ้าแบบนี้แล้ว..เราก็คงไม่ อาจได้รับความสวยงามแบบนี้ได้
คนเราแต่ละคนย่อมมีข้อบกพร่องที่เป็นเอกลักษณ์ของตัว เอง...
แต่รอยตำหนิและข้อบกพร่องที่เราแต่ละคนมีนั้น อาจช่วยทำให้การอยู่ร่วมกันของเราน่าสนใจ และกลายเป็นบำเหน็จรางวัลของชีวิตได้....
สิ่งที่ต้องทำก็เพียงแค่ยอมรับคนแต่ละคนในแบบที่เขาเ ป็น..
และมองหาสิ่งที่ดีที่สุดในตัวของพวกเขาเหล่านั้นเท่า นั้นเอง